ทนพญ.แพรววลี และ ดร.ทนพ.นพพร จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. สร้างชื่อเสียงด้วยผลงานวิจัยด้านการพัฒนาระบบริการตรวจยีนและนวัตกรรมชุดตรวจ คว้ารางวัลระดับชาติ สะท้อนบทบาทผู้นำด้านการแพทย์แม่นยำของภาคอีสาน
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สร้างชื่อเสียงระดับประเทศ ในงานประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งชาติ ครั้งที่ 33 ภายใต้หัวข้อ “Transforming Healthcare through Modern Medical Sciences” จัดโดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ มูลนิธิวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสมาคมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 11–13 มิถุนายน 2568 ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ชั้น 2 ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน และผลงานวิจัยเข้าประกวดกว่า 450 เรื่อง ซึ่งบุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับรางวัลถึง 3 รางวัล ได้แก่

ทนพญ.แพรววลี วินทะไชย นักเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ได้รับรางวัล DMSc award ชนะเลิศ ประเภทการพัฒนาบริการหรือพัฒนาคุณภาพบริการทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากผลงาน “การพัฒนาระบบบริการตรวจยีน BRCA1/BRCA2 สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและกลุ่มญาติสายตรงโรงพยาบาลศรีนครินทร์” ซึ่งได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลจาก สมเด็จพระเจ้า น้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568

ดร.ทนพ.นพพร สวัสดิ์จุ้ย นักเทคนิคการแพทย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ได้รับ 2 รางวัล จากการนำเสนอผลงานแบบบรรยาย ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ ด้านวิจัยและนวัตกรรมด้านโรค (research and innovation on diseases) เรื่อง “ต้นแบบชุดตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน SPTB เพื่อวินิจฉัยโรคผนังเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติ: SPTB easy kit” ซึ่งตรวจง่ายขึ้น ลดต้นทุน และเข้าถึงได้มากขึ้น
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ด้านการบริการและตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข (Medical and Public Health Services and Laboratory Testing) เรื่อง “การพัฒนาวิธีตรวจหาการกลายพันธุ์ของเบต้าโกลบินยีนเพื่อวินิจฉัยแยก homozygous HbE และ beta-thalassemia/HbE” ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการวินิจฉัย

ทนพญ.แพรววลี วินทะไชย กล่าวแสดงความรู้สึกถึงการได้รับรางวัล ว่า รู้สึกภูมิใจมาก ถือเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความร่วมมือของทีมงาน แพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ พยาบาล และเครือข่ายโรงพยาบาลที่ทำงานร่วมกัน และเป็นกำลังใจที่สำคัญให้เรายิ่งมุ่งมั่นพัฒนางานวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านการแพทย์แม่นยำต่อไป

สำหรับ การคัดกรองการกลายพันธุ์ในยีน BRCA1 และ BRCA2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและกลุ่มญาติสายตรง โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ถือเป็นแห่งแรก และเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการให้บริการอย่างครบวงจรตั้งแต่การให้คำปรึกษา การตรวจหาและการวิเคราะห์การกลายพันธุ์ ไปจนถึงการแปลผลและการให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมภายหลังการตรวจ ขยายโอกาสการเข้าถึงการตรวจคัดกรองยีนความเสี่ยงโรคมะเร็งโดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอื่นๆ โดยให้บริการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมมาแล้วกว่า 665 ราย พบการกลายพันธุ์ในยีนร้อยละ 6.6 และขยายเพิ่มจำนวนยีน ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งจาก 2 ยีน(BRCA1 และ BRCA2) เพิ่มเป็น 30 ยีน ทำให้เพิ่มอัตราการพบการกลายพันธุ์เป็นร้อยละ 15.9 ซึ่งจะทำให้มีการค้นพบผู้ป่วยและญาติสายที่มียีนกลายพันธุ์มากขึ้น ส่งผลให้สามารถวางแผนเฝ้าระวังและป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ รวมทั้งสามารถเลือกวิธีการรักษาด้วยยามุ่งเป้าให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ด้าน ดร.ทนพ.นพพร สวัสดิ์จุ้ย กล่าวว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก ขอขอบพระคุณท่านคณบดี คณะแพทยศาสตร์, ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์, รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์, หัวหน้างานห้องปฏิบัติการเวชศาสตร์ชันสูตร, หัวหน้าหน่วยจีโนมิกส์ทางการแพทย์, ดร.ทนพ.ปริญญา ประสงค์ดี รวมถึงคณะผู้วิจัยทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าน ผศ.นพ.กุณฑล วิชาจารย์ กุมารแพทย์ หน่วยเวชพันธุศาสตร์ และรศ.พญ.พัชรี คำวิลัยศักดิ์ กุมารแพทย์ หน่วยโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก สาขากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยจนประสบผลสำเร็จได้
ซึ่งหน่วยจีโนมิกส์ทางการแพทย์ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนางานด้านจีโนมิกส์และการแพทย์แม่นยำ เพื่อให้คนไข้เข้าถึงการตรวจวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรค อย่างถูกต้องแม่นยำ ตามวิสัยทัศน์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ระดับโลกที่มีคุณค่าต่อสังคมไทยและมวลมนุษยชาติ
สำหรับงานวิจัยเรื่อง “ต้นแบบชุดตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน SPTB เพื่อวินิจฉัยโรคผนังเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติ: SPTB easy kit” เป็นการพัฒนาเพื่อให้ได้ต้นแบบชุดตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน SPTB ที่ทำให้เกิดโรคซีดทางพันธุกรรม โดยชุดตรวจนี้เป็นการพัฒนาวิธีการตรวจทำให้ตรวจได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุนค่าน้ำยา และลดค่าบริการลง ทำให้คนไข้เข้าถึงบริการมากขึ้น ปัจจุบันได้ให้บริการคนไข้ไปแล้วกว่า 400 ราย ช่วยให้คนไข้ได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การรักษาอย่างจำเพาะ และวางแผนป้องกันต่อไปในอนาคต ส่วนอีกเรื่องคือ “การพัฒนาวิธีตรวจหาการกลายพันธุ์ของเบต้าโกลบินยีนเพื่อวินิจฉัยแยก homozygous HbE และ beta-thalassemia/HbE” สำหรับงานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาวิธีการตรวจทางอณูชีววิทยาโมเลกุลของโรคธาลัสซีเมีย เพื่อช่วยคัดกรองก่อนตรวจในรายการตรวจยืนยันที่มีราคาแพง ลดภาระงาน แต่ยังคงมาตรฐานการตรวจอย่างแม่นยำไว้ได้ อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการตรวจวิเคราะห์อีกด้วย
ข่าว : เบญจมาภรณ์ มามุข
ข้อมูล/ภาพ : ดร.ทนพ.นพพร สวัสดิ์จุ้ย