มข.นำทัพ! ดึงภาครัฐ-เอกชน-วิชาการ ขับเคลื่อนอีสานสู่ Net Zero รับมือมาตรการโลก สร้างมูลค่าเศรษฐกิจยั่งยืน

                จากการที่โลกและประเทศไทยเราต้องเผชิญกับปัญหาโลกร้อน ภาวะก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาวะอากาศแปรปรวน สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (Climate Change) กระแสโลกต่างมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emission เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยได้กำหนดนโยบาย BCG (Bio-Circular-Green Economy) เป็นวาระแห่งชาติ และตั้งเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 (หรืออีก 25 ปีข้างหน้า) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยศูนย์นวัตกรรมและบริการวิศวกรรม (IENS) คณะวิศวกรรมศาสตร์ จึงจัดเวทีเสวนาครั้งสำคัญ ดึงผู้เชี่ยวชาญจาก กฟผ., กรมวิชาการเกษตร, Wave BCG, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น, หอการค้าจังหวัดขอนแก่น และ มข. ร่วมถอดรหัสและวาง “Roadmap” สู่องค์กรคาร์บอนต่ำ หวังใช้ศักยภาพของอีสานเป็นฐานขับเคลื่อนประเทศบรรลุเป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมชี้ ขอนแก่น มีโอกาสเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสีเขียว ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 มีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นจำนวนมาก

คุณพงษ์พันธ์ กรวยทอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและพัฒนาโรงไฟฟ้า กฟผ. (กำลังพูด)
คุณพงษ์พันธ์ กรวยทอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและพัฒนาโรงไฟฟ้า กฟผ. (กำลังพูด)

กฟผ. ชี้ 2 ภาคส่วนหลักต้องเร่งปรับตัว
              คุณพงษ์พันธ์ กรวยทอง ผอ.ฝ่ายแผนงานและพัฒนาโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ภาคไฟฟ้า (38%) และภาคขนส่ง (32%) คิดเป็น 70% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศทั้งหมด การขับเคลื่อนจึงต้องมุ่งเน้น 2 ภาคส่วนนี้ โดย กฟผ. ใช้ “3S Framework” คือ 1. Source Transformation เปลี่ยนฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด (โซลาร์, ลม, ไฮโดรเจน, SMR, SOFC) 2. Sink & Co-creation การดูดซับผ่านการปลูกป่าและเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน และ 3. Support กลไกสนับสนุน เช่น การรับรองคาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral)

โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร
โซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร
การผลิตพลังงานสะอาดจากกังหันลม และพลังน้ำแบบสูบกลับ-ลำตะคองโคราช
การผลิตพลังงานสะอาดจากกังหันลม และพลังน้ำแบบสูบกลับ-ลำตะคองโคราช

            คุณพงษ์พันธ์ เห็นว่า จังหวัดขอนแก่นมีศักยภาพสูงในการเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมสีเขียว” เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเป็นอันดับ 2 ของอีสาน ตั้งอยู่จุดกึ่งกลางเชื่อมโยง ขอนแก่น-โคราช-อุดร-หนองคาย และสามารถรองรับความต้องการด้วยพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคได้ 100% ซึ่ง กฟผ. มีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์, โซลาร์ลอยน้ำ, กังหันลม, ไฮโดรเจน/SOFC สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสในการดึงดูดนักลงทุน RE100 แต่ต้องเร่งแก้ไขความท้าทายด้านความมั่นคงพลังงาน ค่าไฟฟ้า และข้อจำกัดทางกฎหมาย

คุณธีรวุฒิ ชุตินันทกุล ผอ.กลุ่มวิจัยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคเกษตร กรมวิชาการเกษตร (กำลังพูด)
คุณธีรวุฒิ ชุตินันทกุล ผอ.กลุ่มวิจัยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภาคเกษตร กรมวิชาการเกษตร (กำลังพูด)

ภาคเกษตร พัฒนา “No Burning” + Carbon Credit

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ภาคเกษตรกรรมถือเป็นหัวใจของภาคอีสาน กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดตั้งกองใหม่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีลดก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร โดยเน้นนโยบาย 3R (No Burning) เพื่อแก้ปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตร ไฟป่า, GAP Plus PM2.5 (นำร่องกาแฟ พืชเศรษฐกิจภาคเหนือ) เตรียมบุคลากร เป็นหน่วยตรวจวัด-รับรองโครงการภาคเกษตร, รับรองผลผลิตปลอดการเผา, พัฒนาโมเดลสะสมคาร์บอนเครดิต และส่งเสริม การสร้างรายได้เพิ่มจากการสะสมคาร์บอนเครดิตในพืชเศรษฐกิจ เช่น นาข้าวและยางพารา(นาข้าว, มันสำปะหลัง, ยางพารา)

คุณปณิตา สุตะเขต Climate Advisor Wave BCG (กำลังพูด)
คุณปณิตา สุตะเขต Climate Advisor Wave BCG (กำลังพูด)

ภาคเอกชน เน้น Decarbonization Roadmap
           คุณปณิตา สุตะเขต Climate Advisor Wave BCG กล่าวว่า บทบาทการเป็นที่ปรึกษาและจัดทำแผนการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization Roadmap) เราเน้นการให้ความร่วมมือและสนับสนุน การขับเคลื่อนด้าน BCG และ Net Zero ในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะการให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารระดับสูง (CFO, Managing Director – MD) เกี่ยวกับการกำกับดูแลการปล่อยคาร์บอน การรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งเครื่องมือและกลไกที่ใช้ ได้แก่ การปลูกป่า (Afforestation/Reforestation), การประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency) และการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Trading) โดยใช้ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (14 หมวด) เป็นกรอบในการดำเนินงาน ตามเป้าหมาย ดังนี้ ลดก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2030 ส่วนเป้าหมายระดับสูงคือลดก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 (ด้วยการสนับสนุนจากต่างประเทศ)

 
คุณธีระศักดิ์ สุวรรณธาร รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ. ขอนแก่น (ถือแฟ้ม)
คุณธีระศักดิ์ สุวรรณธาร รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ. ขอนแก่น (ถือแฟ้ม)

SMEs เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
             คุณธีระศักดิ์ สุวรรณธาร รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ. ขอนแก่น ชี้ SMEs มีข้อจำกัดต้นทุน-ความรู้ แม้ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Major Players) จะมีการถูกบังคับโดยกฎหมายและมาตรการการค้า (เช่น CBAM) ให้ต้องปรับตัวสู่คาร์บอนต่ำอยู่แล้ว แต่กลุ่ม SMEs ยังคงมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความรู้ในการเริ่มดำเนินการ เพราะฉะนั้นแนวทางการรับมือคือ ควรเปลี่ยนแนวคิดจากการมองหา “Zero Carbon” เป็น “การเพิ่มประสิทธิภาพ” ลดการสูญเสีย (Reduce Waste) และลดต้นทุนการผลิตก่อน ก่อนจะนำเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกมาเสริม ที่สำคัญการขับเคลื่อน Net Zero ควรพิจารณาความคุ้มทุนของผู้ประกอบการเป็นหลัก และมองหาโอกาสในการนำจุดแข็งด้านพลังงานหมุนเวียนของอีสาน มาต่อยอดอุตสาหกรรม

คุณพรชัย แซ่ลิ้ม รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น (ที่ 2 จากขวา)
คุณพรชัย แซ่ลิ้ม รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น (ที่ 2 จากขวา)

ภาคธุรกิจมองโอกาสจาก CBAM
               คุณพรชัย แซ่ลิ้ม รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงแรงกดดันทางการค้าว่า ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับแรงกดดันจากมาตรการคู่ค้าโดยเฉพาะตลาดส่งออก (ยุโรป/CBAM) ที่เพิ่มต้นทุน 4-7% ซึ่งกระทบต่อ SMEs ถึงระดับฐานราก หอการค้าฯ ได้เปลี่ยนมุมมองโดยการมุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ (โดยเฉพาะ SMEs) เริ่มต้นวางแผน Net Zero เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์และเตรียมรับมือกับ Insight ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก และสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียน (Wasteless Economy) และการสร้างรายได้จาก Carbon Business โดยกำลังศึกษาโมเดลซื้อขายคาร์บอนเครดิต และส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจบนที่ดินว่างเปล่า เพื่อสร้างมูลค่าจากคาร์บอนและการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว (3, 5, 7 ปี)

คุณวัชร พัฒนาวิวัฒนพร รักษาการแทนผู้อำนวยการกองอาคารและสถานที่ ผู้แทนจาก มข. (ขวาสุด)
คุณวัชร พัฒนาวิวัฒนพร รักษาการแทนผู้อำนวยการกองอาคารและสถานที่ ผู้แทนจาก มข. (ขวาสุด)

มข. นำร่อง Net Zero ภายในปี 2040
              ในส่วนของการขับเคลื่อนจากสถาบันการศึกษา คุณวัชร พัฒนาวิวัฒนพร รักษาการแทนผู้อำนวยการกองอาคารและสถานที่ ผู้แทนจาก มข. เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นตั้งเป้าเป็น Net Zero ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ โดยใช้ความรู้แทนเงินทุนในการขับเคลื่อน โดยนักวิชาการทุกสาขา, นักศึกษาวิจัย, MOU หลายภาคส่วน และร่วมมือมหาวิทยาลัยภูมิภาค 3 กลุ่ม มข.-มอ.-มช.

          มข. มีแผนงาน 6 กลยุทธ์ โดยเน้นที่การใช้พลังงานหมุนเวียน (นำร่องโซลาร์ฟาร์ม 30 MW บนพื้นที่รกร้าง 2,000 ไร่) การปรับปรุงอาคารประหยัดพลังงาน การบริหารจราจรและขนส่งสีเขียว การเพิ่มพื้นที่ป่าซึ่ง มข. มีป่าขนาดใหญ่ 1,500 ไร่ เป็นเครื่องมือดูดซับหลัก การจัดการขยะ และระบบบำบัดน้ำเสีย โดยชูแนวคิด “ทำง่ายก่อน” และใช้ความรู้เป็นพลังขับเคลื่อน

           คุณวัชร กล่าวทิ้งท้ายว่า มข. มีลักษณะครบถ้วนเหมือนเมืองขนาดย่อม จึงเหมาะที่จะเป็น “ต้นแบบขนาดเล็ก” ในการนำร่องมาตรการ Net Zero ก่อนขยายสู่เมืองใหญ่ในภูมิภาคต่อไป

           การรวมพลังขับเคลื่อนสู่ Net Zero ของ มข. ครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นปฏิบัติการเชิงรุกของภาคอีสานในการรับมือกับวาระโลกร้อน โดยเน้นการผสานงานระหว่างภาครัฐ และภาควิชาการ เพื่อสร้าง Roadmap ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจและสร้างความได้เปรียบทางการค้าให้กับภูมิภาคในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าว: เบญจมาภรณ์ มามุข
ภาพ: กองสื่อสารองค์กร

Scroll to Top