top-banner

ทีมคณะเภสัชฯ มข. ชูงานวิจัยสู่ต้นแบบสาธารณสุขดิจิทัล เปิดตัว “Telehealth Thailand” ชวนคนไทยใช้บริการปรึกษาสุขภาพทางไกล พร้อมระบบส่งยาถึงบ้าน

สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดให้บริการ “Telehealth Thailand” แพลตฟอร์มปรึกษาสุขภาพทางไกลที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเภสัชกร แพทย์ และพยาบาลได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับประชาชนและกลุ่มเปราะบาง พร้อมบริการส่งยาถึงบ้าน นับเป็นก้าวสำคัญในการใช้นวัตกรรมดิจิทัลยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน

รศ.ดร.สุณี เลิศสินอุดม อาจารย์ประจำสาขาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเลขาธิการสภาเภสัชกรรม เล่าถึงแนวคิดและจุดเริ่มต้นงานวิจัยนี้ว่ามาจากประสบการณ์ช่วงการระบาดของโควิด-19 เมื่อผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถเดินทางมารับยาได้ตามนัด และบางส่วนเกิดอาการกำเริบเพราะขาดยาเป็นเวลานาน

“ตอนนั้นเราพบผู้ป่วยโรคลมชัก โรคหืด โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถเข้ามารับยาที่โรงพยาบาลได้ บางรายต้องเสียค่าเดินทางหลายร้อยถึงหลักพันบาทเพื่อมาตรวจติดตามทั้งที่มีรายได้เพียงเล็กน้อย ถ้ามีระบบที่ให้บุคลากรทางการแพทย์ดูแลเขาทางไกลได้จริง ก็จะช่วยลดภาระและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยได้อย่างมาก”

จากปัญหาดังกล่าว ทีมวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบ Telehealth  ในเขตสุขภาพที่ 7 ก่อนที่ต่อมาจะได้ร่วมพัฒนากับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS)  จนกลายเป็น “Telehealth Thailand” แพลตฟอร์มกลางระดับประเทศภายใต้การกำกับของสภาเภสัชกรรมที่มีเภสัชกรกว่า 3,000 คน และบุคลากรสุขภาพในระบบรวมกว่า 6,000 คน  โดยทุกคนต้องผ่านการยืนยันตัวตนตามหลักเกณฑ์ของวิชาชีพและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 

“ระบบดังกล่าวได้รับการสนับสนุนด้านระบบคลาวด์จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งมองเห็นเจตนารมณ์ของโครงการที่มุ่งให้บริการสาธารณะ ทำให้แพลตฟอร์มมีโครงสร้างป้องกันข้อมูลที่ครอบคลุมและได้มาตรฐาน จุดนี้เองเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Telehealth Thailand แตกต่างจากแอปพลิเคชันสุขภาพอื่น ๆ เนื่องจากให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วยเป็นอันดับแรก ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานแล้วกว่า 10,000 คน”

Telehealth Thailand ยังเชื่อมต่อระบบประกันสุขภาพ เช่น การเลิกบุหรี่ในสิทธิบัตรทองซึ่งผู้ป่วยสามารถรับบริการฟรีนาน 6 เดือน ขณะเดียวกันยังรองรับอุปกรณ์ Internet of Medical Things (IoMT) เช่น เครื่องวัดความดัน เครื่องเจาะน้ำตาล หรือเครื่องเป่าปอด ซึ่งถูกพัฒนาให้ส่งค่าผ่านบลูทูธเข้าระบบ ทำให้แพทย์และเภสัชกรติดตามอาการผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำขึ้น

นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีการเทคโนโลยี AI เข้ามาพัฒนาระบบบันทึกข้อมูลอัตโนมัติจากเสียงสนทนาระหว่างบุคลากรกับผู้ป่วย เพื่อเก็บข้อมูลอาการต่าง ๆ ลดภาระงานเอกสารและเพิ่มเวลาให้บุคลากรใช้ในการดูแลคนไข้โดยตรง

บริการจัดส่งยาถึงบ้านก็เป็นอีกจุดเด่นที่ช่วยลดภาระผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ที่อยู่ห่างไกลโรงพยาบาล รวมถึงนักศึกษาที่อยู่หอพักในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งสามารถปรึกษาเภสัชกรและรับยาถึงหอพักได้เร็ว ๆ นี้

รศ.ดร.สุณี ทิ้งท้ายว่า  “Telehealth Thailand เกิดขึ้นเพราะเราเห็นความเดือดร้อนของประชาชน เราอยากให้เทคโนโลยีและงานวิจัยส่งไปถึงมือคนไข้จริง ๆ ช่วยเขาประหยัดค่าเดินทาง และเข้าถึงบุคลากรสาธารณสุขได้สะดวกขึ้น นี่คือความหวังใหม่ของระบบสุขภาพไทย”

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Telehealth Thailand ได้ผ่าน Google Play หรือ App Store โดยค้นหา “Telehealth Thailand” แล้วลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนหรือแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ก่อนเข้าสู่ระบบวิดีโอคอลเพื่อรับคำปรึกษาทางยาและสุขภาพ รวมถึงการรับยาที่ร้านยาหรือจัดส่งถึงบ้าน 

ขณะนี้ร้านยาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เป็น “ต้นแบบระบบร้านยา” นำร่องในเขตสุขภาพที่ 7 ซึ่งเชื่อมบริการตั้งแต่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) – โรงพยาบาลชุมชน – โรงพยาบาลจังหวัด ไปจนถึงโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย อย่างโรงพยาบาลศรีนครินทร์แล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กเพจ “ร้านยาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น” https://www.facebook.com/pharmacykku หรือ Add LINE สอบถามรายละเอียดกับร้านยา มข.

อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มใหม่นี้นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพแล้ว ยังสะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะผู้ผลักดัน “นวัตกรรมสาธารณสุขดิจิทัล” ที่ตอบโจทย์ความเหลื่อมล้ำและการดูแลประชาชนในโลกยุคใหม่ให้มีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างยั่งยืนภายใต้ปณิธาน “มหาวิทยาลัยแห่งการอุทิศเพื่อสังคม”

 

บทความ : ผานิต ฆาตนาค, ธันญาภรณ์ เปลี่ยนพิทักษ์ นักศึกษาฝึกปฏิบัติสหกิจศึกษา ชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

Scroll to Top